รีวิว Taxi Driver : แท็กซี่ชำระแค้น (2021)

Taxi Driver

สิ่งหนึ่งที่คนดูซีรีส์ที่คงไม่จำกัดแค่ซีรีส์เกาหลีต้องเจอคงเป็นเรื่องของ Passion ในการดูและดูไปบ่นไปก็ไม่ต่างกัน  เพราะบ่อยครั้งที่การได้เจองานซีรีส์หรือละครทีวี (ในที่นี้คงว่ากันที่ละครต่างประเทศ) ที่เป็นงานชั้นดีหรือเลยเถิดไปจนเป็นความยอดเยี่ยมแล้วหลังจากนั้นพลังงานในการหาเรื่องใหม่ดูก็จะลดน้อยลง  สิ่งที่ตามมาคือการหยิบรีโมทเลื่อนหาจนหลับคารีโมทกันบ้างก็คงมีเพราะความที่ยังติดใจหรือติดตรึงกับเรื่องราวที่เพิ่งผ่านตาไป  แล้วด้วยความที่งานที่ไปในระดับยอดเยี่ยมสมบูรณ์แบบก็ใช่ว่าจะมีมาให้เห็นกันบ่อยๆสิ่งที่ละครเหล่านี้ที่จะดึงคนดูที่พลังงานการรับชมถดถอยได้ก็คือการเริ่มต้นที่สนุกและได้ใจ  เพราะไอ้ครั้นจะมาค่อยๆเล่าก็คงไม่พ้นโดนเทไปก่อนเพราะความอดทนคนดูไม่มากเท่าเมื่ออดีตด้วยเหตุที่ทางเลือกในการดูมีมาก  และหนึ่งในเรื่องที่สามารถทะลุความหย่อนยานการอยากดูของผู้เขียนได้ก็คือเรื่องนี้ที่เริ่มต้นด้วยความเร็วแรงและเป็นอย่างนั้นไปจนตอนสุดท้ายที่เปิดปลายไว้ว่าจะมีมาให้ดูต่อ  แล้วเมื่อกำลังจะมีซีซั่นต่อมาก็ขออนุญาตรำลึกถึงความสนุกสาสมใจที่ดูง่ายแต่สะใจเหมือนจะให้รางวัลคนดูจากเรื่องนี้ Taxi Driver

Taxi Driver

เรื่องย่อ

เปิดหัวมาอย่างเข้มเมื่ออาชญากรตัวเอกกำลังพ้นโทษและถูกปล่อยตัวท่ามกลางเสียงสาปแช่งของมหาชนคนเกาหลีมุงและกองทัพนักข่าวอีกเป็นโขยง แต่แล้วก็มีแท็กซี่วีไอพีมารับตัวไปและหลังจากนั้นก็คือปฏิบัติการหลบสายตานักข่าว และนี่คือการลักพาตัวโดยภารกิจแท็กซี่วีไอพีที่อยู่ในการบริหารของ ผอ.จางซองชอล (คิมอึยซอง) แห่งมูลนิธินกสีฟ้าที่คอยช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรมโดยได้รับการสนับสนุนจากทางสำนักงานอัยการ  และ ผอ.จาง ก็มีบริษัทแท็กซี่ในนามขนส่งสายรุ้งแต่เบื้องหลังเขาคือหัวหน้าขบวนการกลุ่มแท็กซี่วีไอพีที่ให้บริการแก้แค้นจากการถูกกระทำที่ไร้ความยุติธรรมโดยมีสมาชิกคือคิมโดกี (อีเจฮุน) อดีตทหารผู้เชี่ยวชาญการต่อสู้เป็นคนขับรถและลุยกับเหล่าร้าย อันโกอึน (พโยเยจิน) หญิงสาวเซียนคอมพิวเตอร์จอมแฮ็กผู้คอยสนับสนุน  ร่วมด้วยชเวคยองกู (จางฮยอกจิน) ช่างเครื่องและพัคจินอุน (แบยูรัม) วิศวกร

โดยที่เมื่อมีการแก้แค้นให้กับลูกค้าแล้วพวกเขาจะจับตัวคนที่กฎหมายเอื้อมไม่ถึงไปขังในคุกลับที่ดูแลโดยประธานแบคซองมี (ชาจียอน) ที่มีเบื้องหลังน่ากังขา  ขณะเดียวกันมือกฎหมายที่สงสัยการหายตัวไปของอาชญากรที่ถูกบอกเล่าว่าหลบหนีไปได้ก็พยายามสืบหาให้ได้เพราะความสงสัยบางอย่างก็คืออัยการคังฮานา (อีซม) ที่พยายามใช้กฎหมายมาปราบอาชญากรแต่บางครั้งกฎหมายก็เอื้อมไม่ถึงคนบางคนจึงต้องมีบริการแท็กซี่วีไอพี  แล้วทุกอย่างก็ดำเนินไปอย่างราบรื่นจนในที่สุดเรื่องทั้งหมดก็ตามมาทันทีมแท็กซี่และพวกเขาต้องเอาตัวรอดไปให้ได้พร้อมกับจัดการอาชญากรตัวแม่  และถ้ายังไม่ยุ่งพอเส้นแบ่งระหว่างกฎหมายกับศาลเตี้ยก็มาตัดกันเพื่อให้ต้องตัดสินใจส่วนบทสรุปนั้นไม่ต้องเดา เพราะมันเป็นไปตามครรลองของมันไม่มีพลิกผันในบั้นปลายเพียงแต่ที่พาเรื่องมาถึงจุดนี้ได้เพราะระหว่างทางทั้งมันส์และสะใจเหลือเกิน

Taxi Driver

อีกครั้งกับการเล่าเรื่องเก่าให้ดูใหม่แต่เล่นไม่ยาก

ความจริงนี่คือการยำหม้อใหญ่อีกครั้งแต่ไม่รู้ทำไมที่อาจดูคุ้นเคยแต่รสชาติถูกใจเหลือเกิน  และเป็นการตอกย้ำอีกครั้งว่าบางทีไม่ต้องใหม่เอี่ยมแต่ถ้าขายไอเดียให้ขาดแล้วเดินไปตามธงที่ตั้งไว้อย่างเคร่งครัดปรับจูนเครื่องยนต์นิดหน่อยก็แรงเหมือนใหม่และพุ่งฉลุยได้ เช่นกันกับเรื่องนี้ที่ความจริงยังคงเป็นเรื่องราวแบบเดิมๆลูกเล่นชั้นเชิงแบบเดิมๆเพียงแต่ธงที่ตั้งไว้ชัดเจนที่จะขายอะไร  แล้วเมื่อทุกอย่างลงตัวผลที่ได้คืออารมณ์ร่วมของคนดูมาในระดับสูงจนมองข้ามริ้วรอยหรือความเป็นของเก่าเล่าใหม่ไป  ซึ่งถ้าลองมองให้ลึกจริงๆ เรื่องนี้ก็ไม่ต่างหนังซูเปอร์ฮีโร่ที่กึ่งจริงกึ่งการ์ตูนอย่าง Batman , Arrow หรือกระทั่ง The Flash ที่ตัวเอกออกปราบอธรรมโดยมีทีมงานที่เก่งในสาขาต่างๆเป็นทีมสนับสนุน  มีฐานบัญชาการลับมีหน้าฉากที่เป็นอีกตัวตนส่วนปฏิบัติการและการเล่นกับรถก็ดูคล้ายว่าเป็น James Bond 007 ในอีกมุม  ส่วนเนื้อเรื่องชั้นเชิงที่ใช้ก็ยังเป็นการเล่าประเด็นย่อยที่เป็นความเกี่ยวพันกันกับตัวละครและเรื่องราวหลักและเป็นตัวแปรในบั้นปลายที่ลงเอยด้วยความท้าทายและสร้างทางแยกของมโนธรรม

กระนั้นบทละครเลือกที่จะไม่ซับซ้อนซ่อนเงื่อนไม่ตั้งท่าหักมุมแบบเล่นท่ายากแต่เปิดหน้าท้าดวลกับสมองคนดูไปเลย เมื่อเล่าเรื่องที่เดาได้ว่าบั้นปลายจะลงเอยแบบไหนและด้วยความที่ตัวละครที่แม้จะเป็นสีเทาแต่ก็แบ่งชัดและมองออกว่าฝ่ายประธานแบคต้องเจอกับฝ่ายแท็กซี่แน่นอนในตอนท้าย กระนั้นแม้ว่าเรื่องหลักและจุดแวะพักรายทางอาจจะเป็นเรื่องที่เล่าตรงๆเดาไม่ยากแต่สิ่งที่ทำให้มีพลังแรงสูงคือการเล่าเรื่องที่ได้ใจด้วยธงที่ตั้งไว้ว่าจะสร้างภาพในจินตนาการให้ออกมาเป็นภาพจริง ด้วยการอ่านออกว่าคนส่วนมากล้วนได้เจอหรือได้เห็นการถูกกระทำโดยไร้มนุษยธรรมของคนตัวเล็กๆที่ไม่มีทางต่อสู้แล้วกฎหมายเอื้อมไม่ถึง ซึ่งเชื่อว่าคนที่ได้เจอและได้ถูกกระทำต้องจินตนาการว่าได้แก้แค้นอย่างสาสมแต่ในโลกความเป็นจริงก็ยังคงต้องพึ่งกฎหมาย แต่เมื่อเป็นไปไม่ได้ในโลกความจริงอย่างน้อยก็ได้เห็นเป็นภาพในละครก็ยังดีและยิ่งดีเมื่อการแก้แค้นนั้นฉายภาพที่ดุเดือดรุนแรงให้สาสมใจ แล้วเมื่อเรื่องราวเดินไปจนถึงจุดแตกหักอันพึงควรเรื่องก็สรุปในภาพใหญ่ออกมาอย่างลงตัวด้วยเจตนาขายความสะใจและตอบโจทย์นั้นได้

Taxi Driver

การตีแผ่อาชญากรรมที่สร้างทางแยกให้สมองและหัวใจ

ส่วนหนึ่งที่เป็นตัวช่วยให้พลังของเครื่องยนต์ไหลลื่นก็คือประเด็นรองหรือเรื่องราวย่อยรายทางที่ต้องผ่าน ด้วยความมั่นใจผู้เขียนจะฟันธงว่าทุกเรื่องที่เล่ามามีเค้าโครงเป็นเรื่องจริงหรือเป็นปัญหาของสังคมบ้านเขาที่แก้ไม่หายและได้ถูกตีแผ่ เพื่อกระตุกให้สังคมมองเห็นและจับจ้องแทนที่จะมองเป็นเรื่องธรรมดาในโลกที่วุ่นวายและความที่มันคือเรื่องจริงที่มาคาบเกี่ยวกับเรื่องในจินตนาการเลยทำให้ละครที่ดูออกว่าเป็นการ์ตูนในคาแร็คเตอร์ของเรื่องนี้ไม่หลุดจากโลกความเป็นจริง เพราะทุกเรื่องที่บอกกล่าวมีพลังและได้ใจคนดูไปเต็มที่นั่นหมายความว่าอารมณ์ร่วมของคนดูจะสูง ด้วยชั้นเชิงง่ายๆแบบเปิดก่อนแล้วย้อนมาเฉลยการสลับช่วงเวลาเล่าในต่างมุมมองการทำให้รู้สึกสงสารเห็นใจผู้ถูกกระทำ รังเกียจชิงชังคนที่กระทำต่อคนไม่มีทางสู้ชี้นำให้จนมุมไปกับตัวละครเมื่อมองไม่เห็นทางออก และความฉลาดในการพาอารมณ์ให้เจ็บแค้นกระทั่งกฎหมายหรือกฎเกณฑ์ทางสังคมก็ช่วยไม่ได้ ที่พึ่งสุดท้ายก็คือใช้บริการศาลเตี้ยแล้วมันดันถึงใจทุกเรื่องเมื่อศาลเตี้ยได้คืนความยุติธรรมให้อย่างสาสมแต่นั่นคือโลกแห่งจินตนาการ

เมื่อโลกแห่งความจริงยังคงต้องมีกฎหมายเลยต้องมีตัวละครอย่างอัยการคังฮานามาถ่วงดุลด้วยความชัดและสัตย์ซื่อต่อหน้าที่และกฎหมาย จนกระทั่งวันที่เธออับจนสิ้นหนทางเธอจะเลือกทางไหนระหว่างใช้กฎหมายกับการแก้แค้น แล้วเมื่อลองคิดดูเธอเองที่มองเห็นข้อกฎหมายอย่างทะลุเธอก็มีทางเลือกของเธอที่อาจดูหลุดโลกไปบ้างแต่นี่คือสิ่งที่เรื่องต้องการสร้างทางแยกให้สมองและหัวใจ ซึ่งก็คือการขีดเส้นแบ่งระหว่างข้อกฎหมายและศีลธรรมคือการสร้างทางแยกของมโนธรรมว่าถ้าเราอยู่ในฐานะผู้ถูกกระทำเราจะเลือกทางไหน แต่น่าเสียดายที่เส้นแบ่งนี้ไม่สมดุลเมื่อคนดูคงจะตัดสินใจเลือกทางที่ไม่มีกฎหมายเป็นส่วนร่วมอย่างน่าเสียดายเมื่อเริ่มต้นด้วยความท้าทายมโนสำนึกที่เข้มข้นแต่ลงท้ายไปในทางเชื่อในการแก้แค้นทำให้เรื่องตอนสุดท้ายกลายเป็นหลุดออกไป แต่ก็ว่าไม่ได้เพราะเป็นการเปิดปลายให้ขยายต่อแค่เสียดายที่ตั้งการคำถามต่อสมองและหัวใจจัดจ้านแบบนี้มันต้องสมดุลและยากที่จะตัดสินใจ แต่เมื่อสุดท้ายลงเอยด้วยความเลือกข้างใดข้างหนึ่งโดยไม่ลังเลมันก็แค่เสียดายที่น่าจะไปให้สุดได้ในมิติของหัวใจเท่านั้น

Taxi Driver

การแสดงที่เกือบเป็นการ์ตูนเพราะเล่าออกมาเป็นแนวซูเปอร์ฮีโร่

นี่คือการยำใหญ่เอาความเป็นหนังซูเปอร์ฮีโร่มาใส่ดราม่าและแปลงมาเป็นบริบททางสังคมเกาหลีหรือจะเรียกว่าเป็นละครซูเปอร์ฮีโร่เกาหลีก็คงไม่ผิด  แต่ความที่เล่าเรื่องปัญหาสังคมที่มีเค้าโครงจากเรื่องจริงจึงเลือกเสนอให้ออกมากึ่งจริงกึ่งการ์ตูนไม่หลุดโลกมากมาย  และสิ่งที่ทำให้เรื่องมีพลังแรงก็คือพลังของการแสดงอย่างไม่ต้องสงสัยด้วยบทและตัวตนของตัวละครที่แยกดีร้ายชัดและคาแร็คเตอร์ของแต่ละคนก็ชัดมีความเป็นตัวตนของแต่ละตัวละคร  แต่ที่เป็นเสาหลักของเรื่องคือตัวฮีโร่คิมโดกีของอีเจฮุนและตัวร้ายที่เป็นตัวบอสคือประธานแบคซองมีของชาจียอนที่เชือดเฉือนกันในเกมหลักซึ่งคนทั้งสองที่อยู่คนละฝั่งก็ทำหน้าที่ได้อย่างไม่มีที่ติ อีเจฮุนมาในลุคพระเอกที่ขายความเท่ทั้งดุและดิบ เต็มไปด้วยความแค้น  และเขาก็น่าเชื่อถือในบทอดีตทหารที่มีปมในใจของความสูญเสีย (บรู๊ซ เวย์น ใช่ไหม) แต่ถ้าจะมองด้วยความเป็นธรรมกลายเป็นบทประธานแบของชาจียอนที่ขโมยซีนเป็นพักๆด้วยความร้ายลึกดูฉลาดและเจ้าเล่ห์กับเมคอัพที่น่าเกรงขามปนมีเสน่ห์ลึกลับ และบทนี้ทำให้เธอกลายเป็นตัวร้ายที่น่าจดจำโดยไม่ต้องแอ็คชั่นมากมาย

ส่วนรายที่เป็นตัวแปรและเป็นตัวละครที่ตั้งคำถามต่อสมองคนดูอย่างอัยการคังฮานาของอีซมนั้นถ้าว่ากันแบบเอาใจก็คือเธอรับผิดชอบได้ตามหน้าที่และบทที่ตั้งธงไว้แล้ว  แม้จะดูขัดเขินในช่วงต้นแต่ก็มีพัฒนาการและมีความโดดเด่นเป็นของตัวเอง  แต่ถ้าจะเอาจริงก็คือการแสดงในเรื่องนี้มีเงาของแบดูนาทั้งสีหน้าแววตาภาษากายกระทั่งบุคลิกชนิดที่ฉากที่ไม่เห็นหน้าชัดๆอาจเผลอคิดไปว่านี่คืออัยการฮันยอจินจาก Stranger 2 ส่วนคนอื่นๆที่มีบทสมทบทั้งทีมผู้อยู่เบื้องหลังคนขับแท็กซี่หรือสมุนคู่ใจของตัวร้ายประธานแบคก็คือตัวสนับสนุนชั้นดีที่น่าเชื่อถือรับผิดชอบหน้าที่ได้ดีและมีนาทีที่น่าจดจำทุกคนอาจมีความเป็นการ์ตูนที่ดูล้นออกมาบ้างก็เพราะทางของเรื่องต้องเป็น  ด้วยงานด้านภาพที่ออกมาโทนมืดทำให้นึกถึงอัศวินรัตติกาลอยู่บ้างกับเพลงประกอบเพราะๆที่เร่งเร้าอะดรีนาลีนทำให้ฉากแอ็คชั่นออกมาเร้าใจ  จนทำให้งานนี้แม้จะเหมือนเป็นผ้าขาวที่มีรอยด่างและความขาวก็ยังขาวไม่สุดแต่ก็คืองานอยู่ในระดับเหนือธรรมดาถ้าว่ากันที่อารมณ์ของคนดู

Taxi Driver

เมื่อเลือกใส่ความสาแก่ใจแล้วไปจนสุดก็ไม่ต้องซับซ้อนซ่อนปมมากมายให้สับสนก็สนุกได้ใจได้ เพราะบางทีอะไรที่ง่ายๆก็สามารถใส่ตัวเร่งบางอย่างเข้าไปให้เดินหน้าอย่างแข็งแรง  เช่นเดียวกับเรื่องนี้ที่อาจมีหลากเรื่องหลายบุคคลที่มาพัวพันกันแต่เลือกที่จะเดินหน้าไปตรงๆไม่ต้องตั้งท่าจะเล่นยากหรือสับขาหลอกแต่คงเจตนาที่จะมอบความสนุกและสะใจผ่านการเล่าเรื่องราวปลีกย่อยที่ต่อยอดไปถึงบทสรุปที่ปลายทางได้เนียนๆ  กระนั้นโดยรวมแล้วก็ยังไม่ใช่งานที่เนี้ยบและไร้ที่ติเพราะยังมีริ้วรอยมากมายให้จับต้อง อย่างเรื่องรายได้ที่กลายมาเป็นค่าใช้จ่ายในแต่ละปฏิบัติการที่ดูคลุมเครือ  การตัดสินใจบางอย่างของตัวละครและการพาตัวเองเข้าสู่บางสถานการณ์แต่สิ่งเหล่านั้นที่มีอยู่ก็มองข้ามไปได้ด้วยความสนุกตื่นเต้นเร้าใจในทุกตอน ด้วยการเล่าเรื่องย่อยแต่ไม่ได้ซอยถี่จนเกินไปทำให้แต่ละเรื่องคาบเกี่ยวกับหลายตอนก่อนปิดเป็นเคสไปทำให้ความน่าติดตามตอนต่อตอนมีสูง  และทุกเรื่องราวได้ทิ้งเชื้อไว้ให้รอพิสูจน์ในบั้นปลายว่าจะมีบทสรุปแบบไหนแม้จะเดาไม่ยากเท่าไหร่แต่ก็ยังอยากรู้ว่าจะจบลงเช่นไร

แถมด้วยในแต่ละประเด็นที่เล่ายังเป็นเรื่องที่พบเห็นได้ทั่วไปเป็นเรื่องไม่ปกติที่ดูปกติไปแล้วหรือไม่สำหรับสังคม  แล้วยังเร้าอารมณ์ทุกเรื่องปิดเคสด้วยความสาสมใจจึงทำให้ดูสนุกและต้องติดตามว่าภารกิจของทีมแท็กซี่ชำระแค้นจะไปจัดการใครอย่างไรอีก  ส่วนที่น่าจะสะกิดใจคนในสังคมนอกจากการเล่าเรื่องปัญหาสังคมที่ถูกละเลยนั้นมองที่ว่าละครเกาหลีในช่วงหลังเริ่มมีความรุนแรงขึ้นโหดขึ้นและออกมาในแบบใช้ปีศาจปราบปีศาจบ่อยขึ้น  ซึ่งอาจเป็นการให้มองมุมกลับว่าการตอบโต้ความรุนแรงด้วยความรุนแรงก็คือการสุมฟืนเข้ากองไฟและมันคืออาชญากรรมหรือการแก้แค้นที่อาจสาแก่ใจแต่ก็จะไม่มีวันจบสิ้นและอาจกระตุกให้ได้คิดในมุมนี้จนกลายเป็นเรื่องไม่ปกติที่ดูปกติไปอีกเรื่อง  แค่ว่าบางทีเรื่องอาจพาความคิดคนบางคนเตลิดไปอีกทางก็ไม่อาจคาดเดาใช่หรือไม่  ด้วยความสนุกการที่เล่นกับอารมณ์คนดูอย่างถึงฟอร์มฉากแอ็คชั่นที่ดุเดือดทำให้แม้ไม่ใช่งานที่สมบูรณ์แบบแต่คงไม่เป็นไร  เพราะวัตถุประสงค์หลักคือความสนุกสมใจคนดูแล้วมอบสิ่งที่คนดูต้องการอย่างซื่อตรงจึงส่งให้อยู่ในระดับงานดีที่ต้องดู