กลับมาอีกครั้ง..กับประสบการณ์ที่เพิ่มพูนยิ่งขึ้น แต่ชื่อเสียงของเธอก็ยังสู้พี่ชายไม่ได้สักที “Enola Holmes 2 เอโนลา โฮล์มส์ 2” ถึงเวลาออกมาปฏิบัติการสุดท้าทายกับคดีใหม่ที่น่าสนใจ ที่ครั้งนี้กลับมาด้วยการเติบโตของตัวเอง ความยิ่งใหญ่ในงานสร้าง และโครงสร้างบทที่หนักแน่นยิ่งขึ้น กลายเป็นอีกหนึ่งหนังสืบสวนที่ยังคงดูสนุกและได้โตไปพร้อม ๆ กับทุกตัวละครอย่างอิ่มเอม
ใน Enola Holmes 2 ได้เล่าเรื่องราวหลังจากเพิ่งไขคดีแรกสำเร็จ เอโนลา โฮล์มส์ ก็เจริญรอยตามเชอร์ล็อก พี่ชายชื่อดังของเธอ และเปิดสำนักงานของตัวเอง แต่กลับพบว่าชีวิตนักสืบรับจ้างหญิงไม่ได้ง่ายอย่างที่คิด เมื่อทำใจยอมรับความจริงอันโหดร้ายในการก้าวสู่วัยผู้ใหญ่ได้แล้ว เธอจึงตัดสินใจปิดกิจการลง
แต่ทว่าสาวโรงงานไม้ขีดผู้ยากไร้คนหนึ่งมาจ้างวานให้เธอช่วยตามหาพี่สาว คดีนี้จึงเป็นงานแรกอย่างเป็นทางการของเอโนลา ซึ่งชวนพิศวงงุนงงเกินคาดคิด และทำให้เอโนลาต้องหลุดเข้าไปสู่โลกใหม่ที่แสนอันตราย ไม่ว่าจะเป็นโรงงานสุดโฉดและโรงแสดงดนตรีสุดตื่นตาในลอนดอน หรือสังคมชนชั้นสูง รวมไปถึงบ้านเลขที่ 221 บี ถนนเบเกอร์ ขณะที่แผนสมคบคิดสุดอันตรายจุดชนวนให้เธอต้องวานเพื่อนๆ และเชอร์ล็อกมาช่วยไขคดี เกมการสืบสวนก็เริ่มจะเข้าที่เข้าทางอีกครั้ง
เอโนลา โฮล์มส์ ก็ยังคงเป็น เอโนลา โฮล์มส์ ความสนุกและชั้นเชิงยังคงงัดเอามาใช้ในการเล่าเรื่องที่ทำให้เป็น 2 ชั่วโมงที่เต็มไปด้วยการสืบสวนที่สนุกเอาเรื่องเช่นเคย โดยหนังภาคนี้ไม่ต้องมาเสียเวลามาปูทางปูเรื่องใด ๆ อีกต่อไป ก็เลยเริ่มต้นและมีทิศทางที่กระชับฉับไว และเข้าที่เข้าทางค่อนข้างไปอย่างรวดเร็ว และเข้าประเด็นของเรื่องได้แบบทันท่วงที
“แฮร์รี่ แบรดเบียร์” พร้อมกับทีมเขียนบทชุดเดิมยังคงกลับมาบรรเลงเรื่องราวในครั้งนี้ ดูเหมือนพวกเขากลับมาในหน้าที่ที่ค่อนข้างช่ำชอง ทั้งจังหวะและทิศทางของหนังถูกเรียบเรียงออกมาได้คล่องตัวยิ่งขึ้น ทุกอย่างลื่นไหลไปตามท้องเรื่องได้แทบไม่มีอะไรติดขัด กับสเกลของหนังที่ใหญ่ยิ่งอย่างเห็นได้ชัด พร้อมกับตัวละครที่มีน้ำหนักเพิ่มขึ้นด้วย
ถึงแม้ว่า Enola Holmes 2 จะยังคงดำเนินเรื่องไปตามสูตรสำเร็จเดิม ๆ ที่เวิร์กกับในหนังภาคแรก แต่หนังจะใส่จังหวะที่เติบโตยิ่งขึ้นตามตัวละครได้เป็นอย่างดี ถึงจะเป็นคาแรกเตอร์นักสืบเยาวชน แต่เห็นได้ชัดว่าเอโนลามีลำดับและพัฒนาการที่เป็นผู้ใหญ่ขึ้น แต่เธอก็ยังไม่ทิ้งลายและเสน่ห์อันเป็นตัวของตัวเธอเองในหนังไปได้ ยังคงเฉิดฉายได้เป็นอย่างดี
และเมื่อ มิลลี่ บ็อบบี บราวน์ มารับหน้าที่ถ่ายทอดบทนี้ด้วยแล้ว นี่เป็นอีกครั้งของเธอในบทนี้ ทำให้อะไรหลาย ๆ อย่างเริ่มเข้าที่เข้าทางยิ่งขึ้น เธอรู้สึกวิธีและจังหวะในการเป็นเอโนลาได้อย่างดีขึ้น การดีไซน์ตัวละครนี้แม้จะไม่ได้เปลี่ยนแปลงอะไรมากนัก แต่ศักยภาพของน้องมิลลี่ ก็สามารถแบกรับหนังทั้งเรื่องนี้เอาไว้ได้สบาย ๆ อยู่เช่นกัน
โดยที่ในภาคนี้ยังโชคดีหน่อยที่ได้คาแรกเตอร์เสริมเข้ามาช่วยสมทบอีกเพียบ โดยเฉพาะ “เฮนรี่ คาวิลล์” ที่ภาคนี้ที่แทบจะขยับมารับบทนำ และ เชอร์ล็อก โฮล์มส์ ในแบบฉบับของเขาก็ถ่ายทอดออกมาได้ดี แม้ว่าจะเป็นเพียงรอง แต่เขาก็ไม่ได้เป็นรองใครเลย เช่นเดียวกับ “หลุยส์ พาร์ทริดจ์” ที่กลับมาพร้อมกับทิศทางที่เติบโตขึ้นเช่นกัน แม้ว่าบทของเขาในภาคนี้จะไม่ค่อยมีมิติอะไรเท่าไหร่ แต่ก็เป็นอีกหนึ่งสีสันที่ประดับเอาไว้ในหนังเรื่องนี้
อาจจะบอกอย่างตรงไปตรงมาเลยว่า คดีหลักในภาคนี้อาจจะไม่ได้สัมผัสใจผู้ชมได้หนักแน่นสักเท่าไหร่นัก เพราะเต็มไปด้วยรายละเอียดยิบย่อยมากมาย แต่ก็เป็นหนึ่งในจุดที่ช่วยขยายทิศทางการสืบสวนสอบสวนจากการเก็บเบาะแสต่าง ๆ ได้ค่อนข้างสนุกดี และช่วยเพิ่มชั้นเชิงในการเล่าเรื่องได้อย่างมีลูกเล่น ถึงมันจะเป็นสูตรเดิม ๆ ด้วยการหยิบเอาประเด็นเพื่อนหญิงพลังหญิงกับความไม่เท่าเทียมของมนุษย์มาใช้ก็ตาม
ก็ถือว่าการกลับมาครั้งนี้ของ Enola Holmes 2 เป็นการคัมแบ็กที่ยังจัดได้ว่าสนุกตามสูตร หนังรู้จักวิธีที่จะมัดใจผู้ชมได้อยู่หมัด รู้ว่าควรเล่าเรื่องอย่างไร และซ่อนปริศนาอย่างไรให้บันเทิง แม้ว่ามันจะเป็นสูตรสำเร็จและเดินตามทางเดิม ๆ ที่แทบจะไม่แตกต่าง แต่ก็เห็นได้ชัดว่าหลาย ๆ องค์ประกอบในหนังเติบโตขึ้นและคล่องตัวมากขึ้น แต่ไม่ว่าอย่างไรตำนานของ เอโลนา ก็คือ เอโลนา และมันยังคงเป็นการสืบสวนที่สนุกเหมือนเดิม…
