เมื่อตอนที่ดูซีรีส์ K-Zombie เรื่อง All Of Us Are Dead จบลง ผู้เขียนเพิ่งเอะใจ กับการที่งานด้านบทของซีรีส์เกาหลี ดูแนบเนียนขึ้นในความเป็น “บทเด่นดราม่าเชิดหน้าชูตาการแสดง” เนื่องเพราะในเรื่องนั้น แม้จะยังมีอะไรมากมายให้จับต้องได้ ถึงริ้วรอยระหว่างทาง หากแต่จุดมุ่งหมายและการพาผู้ชมไปด้วยความรู้สึก ยังคงแข็งแรง แน่นอนว่า ไม่ว่าจะมีเสียงค่อนขอดว่ายังไงจากความรู้สึกผู้ชม แต่กระนั้น ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่า งานชิ้นนั้นไม่มีหลุดโทนออกจากสิ่งที่ต้องการจะขาย ไปทางไหนเลย
นั่นหมายความว่า เรื่องนั้นมีโครงเรื่องที่แข็งแรงอยู่ด้วยการผูกเรื่อง ผูกปม ตั้งเค้าโครงไว้อย่างแน่นหนา แล้วจึงมาลงรายละเอียด ที่ยังเห็นริ้วรอยก็จริง แต่ก็ยังเป็นไปตามเจตนา นั่นคือความบันเทิงต้องมาก่อน แล้วให้ความรู้สึกของผู้ชมได้สัมผัสถึงดราม่า ที่มองได้เลยว่าตั้งใจไม่ให้ออกมาจนเกินเลย แล้วให้ผู้ชมสัมผัสด้วยใจ ทั้งเรื่องของความรักในหลายแง่มุมหรือเรื่องของมิตรภาพ ความผูกพัน และความเสียสละ ฯลฯ

ซึ่ง ถ้าหากดูจบแล้วมานั่งคิด จะเห็นชัดเจนว่า อะไรมากมายเหล่านั้น มันสัมผัสได้ด้วยความรู้สึกล้วนๆ โดยที่บางครั้งมันเกิดขึ้นเองอย่างที่ไม่รู้ตัว และที่ต้องยกย่องคือ บทตั้งใจสื่อสารกับผู้ชมผ่านความรู้สึกของตัวละคร เช่นการบันทึกวีดีโอ และมันได้ถูกถ่ายทอดให้สัมผัสได้ ด้วยการแสดงของเหล่านักแสดงรุ่นใหม่ที่ได้ใจ ที่ไม่ว่าผู้ชมจะชอบหรือไม่ชอบซีรีส์เรื่องนั้น แต่สิ่งที่ผู้ชมรู้สึกคือ ไม่รักก็เกลียดตัวละครไปเลย และนั่นคือความรู้สึก
ที่เกริ่นถึงเรื่องนั้นมายืดยาว ก็เป็นเพราะผู้เขียนสัมผัสอะไรทำนองนี้ ได้จากการดูซีรีส์ที่เพิ่งจบอย่างรวดเร็วเรื่องนี้ ที่ความจริงคิดว่าที่เรื่องก่อนหน้านั้นที่เป็น เพราะเป็นงาน NETFLIX Original ที่มักจะมีกลิ่นของความเป็นอินเตอร์อยู่ แต่เมื่อดูเรื่องนี้จบ ความคิดผู้เขียนก็เปลี่ยนไป เหมือนจะเป็นอีกขั้นของงานด้านเขียนบทของเกาหลีหรือไม่ ก็บอกยาก แต่ที่เห็นคือมีความคล้ายกันที่เหมือนใจตรงกัน นั่นคือการแฝงเรื่องดราม่าไว้ให้รู้สึกด้วยใจ ทำให้ความบันเทิงดูโดดเด่น แต่เมื่อถึงเวลา เรื่องดราม่าก็ทำงานอย่างได้ผล Bulgasal Immortal Souls

เรื่องย่อ
เมื่อหกร้อยปีก่อน ในยุคที่มนุษย์และปีศาจ (ขออนุญาตเรียกว่าปีศาจ เพราะมองไม่เห็นว่าเป็นสัตว์ประหลาดอย่างที่ซับไทยแปลไว้) อยู่ร่วมกัน ทารกน้อยคนหนึ่งที่กำเนิดจากมารดาที่ฆ่าตัวตาย เพราะมารดาของทารกนั้น เชื่อว่าบุตรของนางถูกคำสาปของ บุลกาซัล ปีศาจอมตะที่ไร้วิญญาณ และดื่มโลหิตมนุษย์เป็นอาหาร และทารกน้อยก็กำเนิดมาพร้อมกับแผลเป็นที่มือ จวบจนเมื่อโตขึ้นมาเป็นเด็กชาย คำสาปที่ว่า กลายเป็นสร้างความรังเกียจให้แก่เพื่อนร่วมหมู่บ้าน และตั้งใจจะฆ่าเขา
ทว่า เมื่อถึงเวลาชีวิต ก็มีขุนนางผู้รับหน้าที่ล่าปีศาจ มาช่วยเด็กน้อยไว้ และรับเลี้ยงเป็นบุตรบุญธรรม จวบจนเด็กนั้นเติบใหญ่ในนาว่า ดันฮวัล (อีจินอุค) เขากลายเป็นผู้พิฆาตปีศาจโดยสมบูรณ์ ปีศาจตัวแล้วตัวเล่า ที่ถูกสังหารโดยน้ำมือของเขา ทว่าเหมือนคำสาปที่ติดตัวมาทำให้ ดันซล (กงซึงยอน) ให้กำเนิดบุตรคนแรกที่ตาบอด แล้วบุตรคนที่สองก็สิ้นใจหลังคลอดออกมา ทางที่จะถอนคำสาป ดันฮวัล จำต้องพาลูกเมียขึ้นเขาไปเพื่อสังหาร บุลกาซัล

แต่แล้วกลับกลายเป็นโศกนาฏกรรม และ ดันฮวัล กลายเป็นถูก บุลกาซัล ขโมยวิญญาณมนุษย์ไป จนต้องกลายเป็น บุลกาซัล แทน ด้วยความแค้นสังหารครอบครัว ดันฮวัล ที่กลายเป็นอมตะ ก็ตั้งเจตนาว่าจะตามล่า บุลกาซัล นั้นในทุกชาติภพ เพื่อทวงคืนวิญญาณ แล้วตายเฉกเช่นมนุษย์และถอนแค้น จนมาถึงปัจจุบัน บุลกาซัล นั้นกลายเป็นหญิงสาวนาม มินซังอุน (ควอนนารา) ที่ไม่เหลือความทรงจำในชาติปางก่อน แต่ก็ต้องหลีกหนีจาก บุลกาซัล เรื่อยมา
กระทั่งเมื่อ ดันฮวัล ได้พบกับ มินซังอุน กลับมีความรู้สึกเหมือนเจอชิ้นส่วนของชีวิต แล้วยังกลายเป็นว่า ดันซล ภรรยาในชาติก่อนกลับมาเกิดเป็น มินจีโฮ น้องสาวของ มินซังอุน ถ้านั่นยังไม่พอ ชีวิตที่ผ่านมาหกร้อยปีของ ดันฮวัล ผ่านชาติภพของ มินซังอุน มาแล้วสองชาติ ก็พบว่า แท้จริง บุลกาซัล มิได้มีเพียง ดันฮวัล คนเดียว แต่ยังมีอีกหนึ่ง ที่หมายชีวิตของ มินซังอุน เช่นกัน และรวมไปถึงเหล่าปีศาจที่เคยถูกสังหาร โดย ดันฮวัล เมื่อชาติก่อน แล้วกลับมาเกิดเป็นมนุษย์ในชาตินี้ ดันฮวัล จึงต้องแก้ปมของชะตาชีวิตที่ผูกพันนี้ให้ได้ ด้วยความเร้าใจผู้ชมเป็นอย่างยิ่ง


โครงเรื่องที่แข็งแรงบวกกับงานด้านบทที่แน่นทำให้เรื่องแน่วแน่และออกมาบันเทิงเร้าใจ
อย่างที่เอ่ยไว้ตอนต้นคือ เรื่องนี้มีโครงเรื่องที่แข็งแรง ปมทุกอย่างที่ถูกผูกไว้ ได้ถูกร้อยเรียงอย่างดีที่สุด แล้วมีบทในส่วนของเรื่องหลักที่แน่น ทำให้เรื่องเดินหน้าไปอย่างมีจุดหมายแน่วแน่ และนั่นคือพลังแรงสูงที่ขับเคลื่อนตัวเรื่อง เพราะเงื่อนปมมันลึกลับชวนสงสัย พลิกผัน ชี้นำให้คาดเดาว่า ในบั้นปลายเรื่องจะไปลงเอยเช่นไร ซึ่งทำให้เรื่องไม่หลุดออกไปจากเจตนาเริ่มต้นของบทที่วางไว้ แล้วค่อยมาใส่รายละเอียดตามรายทางไปให้ได้ทั้งสิบหกตอน ที่การถ่ายไปออนแอร์ไป ไม่มีผลอะไรเลย
เหตุผลก็เพราะว่า ส่วนหนึ่งคือความแน่นที่ว่ามา และอีกส่วนหนึ่งคือเจตนา ที่จะไม่ให้เรื่องเบื้องหลังมาออกนอกหน้า นั่นคือมิติ น้ำหนัก หรือที่เรียกกันว่าดราม่าแฝง ซึ่ง เท่าที่เห็นมาในงานซีรีส์เกาหลี ที่ไม่นับงานแนวดราม่าไปเลย คือจะมีเรื่องดราม่าแฝงไว้เสมอ แต่จะมากจะน้อย จะแฝงจริงหรือจะเผลอโดดเด่นออกมาเกินหน้า ก็อยู่ที่รายละเอียดของบทที่มีระยะทางที่ไกลถึงสิบกว่าตอน แต่กับเรื่องนี้ กลับทำได้ดีในการแฝงดราม่าไว้ข้างหลัง ที่ดูไปก็เหมือนไม่มี เพราะอารมณ์ของผู้ชมเพลิดเพลินไปกับความเข้มข้นเร้าใจเต็มที่ แต่เมื่อถึงเวลา เรื่องที่แฝงเอาไว้ก็เกาะกินใจไปแล้ว ดยไม่รู้ตัว

ซึ่ง อาจเรียกได้ว่าเป็นอีกขั้นหนึ่ง ของการเขียนบทละครของเกาหลี ที่การใส่อะไรที่มีผลกับหัวใจผู้ชมดูเนียนตาขึ้น จนไม่ได้ออกมาเกินความต้องการที่จะขาย อย่างเรื่องนี้ก็คือความบันเทิง และความเร้าอารมณ์ในเรื่องของการต่อสู้ของปีศาจกับปีศาจ และความเป็นปีศาจที่มีหัวใจมนุษย์ และสิ่งที่บทต้องการขายเลยขายได้ ผู้ชมซื้อแบบเหมาทั้งใจ เพราะเรื่องออกมาสนุก ตื่นเต้น ลึกลับ ชวนสงสัย พลิกไปมาอย่างที่ต้องการ ก่อนที่บทสรุปจะลงเอยในแบบที่ว่า กระจ่างทุกกรณี และมันลงตัวแล้ว
ส่วนเรื่องของมิติ เรื่องของความผูกพันกันโดยโชคชะตา จนมาผูกพันกันด้วยการใช้ชีวิต การต้องต่อสู้ร่วมกัน สิ่งเหล่านี้ ที่ดูเหมือนมองไม่เห็นด้วยตา ทว่า กลับสัมผัสได้ด้วยใจ เพราะเมื่อถึงเวลา สิ่งประดามีเหล่านั้น ก็เอาอยู่ ในเรื่องของความรู้สึก เช่นเรื่องของ ฮเยซุก (#พัคมยองชิน) ที่มี ดันฮวัล เป็นส่วนหนึ่งในชีวิตเสมอมาในทุกช่วงชีวิต เขาเป็นทั้ง คุณลุง คุณน้า พี่ และเมื่อเธอแก่กว่า เขาก็กลายเป็นลูก หากแต่ความเย็นชาของ บุลกาซัล ที่ไม่ต้องการผูกพัน เพราะเลี่ยงความเจ็บปวด สุดท้ายก็มิอาจเลี่ยงได้ และมันคือตัวอย่างของสิ่งที่มองไม่เห็น แต่เกาะกุมหัวใจได้ด้วยการเล่าเรื่องที่แนบเนียน
นั่นหมายความว่า เรื่องนี้มีความบันเทิงที่เข้มข้นเร้าใจเต็มที่ในฉากหน้า ที่มาแบบจัดเต็มจนดูได้แบบลืมเวลา แต่ก็ยังมีมิติทางหัวใจให้สัมผัส จนอาจเรียกได้ว่า เป็นงานด้านบทที่ลงตัว สมบูรณ์ทั้งด้านอารมณ์และด้านความรู้สึก ที่ความรู้สึกไม่ได้ออกนอกหน้าเกินกว่าอารมณ์ จนถูกค่อนขอดว่า เกาหลีเอะอะอะไรก็ดราม่า เพราะเรื่องนี้ ดร่าม่าสัมผัสได้ด้วยใจ ผ่านการใช้เวลาของตัวละคร ผ่านระยะเวลาที่ยังมองเห็นว่า เป็นการใส่เข้ามาเพราะถ่ายไปออนแอร์ไป แต่ก็ไม่มีผลอะไร เพราะโครงเรื่องมันแข็งแล้ว เจตนารมณ์ของเรื่องจึงไปถึงเป้าหมาย กลายเป็นงานชั้นดีที่น่าจดจำ

การแสดงให้สัมผัสได้ด้วยความรู้สึกของ อีจินอุค และการเปล่งประกายเต็มที่ของ ควอนนารา
ถ้าว่ากันที่มาตรฐานการแสดง ผู้เขียนไม่เคยสงสัยในนักแสดงเกาหลีมานานแล้ว เพราะยิ่งดูก็ยิ่งเห็นและพิสูจน์ได้ว่า มาตรฐานสูงมาก แต่สิ่งหนึ่งที่นักแสดงที่มาตรฐานการแสดงสูงอยู่แล้ว และจะสามารถก้าวไปสู่การนั่งอยู่ในใจของผู้ชม จะต้องมีสิ่งที่เรียกว่า พลังดารา พลังที่สามารถดึงดูดสายตาผู้ชมให้จับจ้อง พลังที่จะยกระดับบทบาทการแสดงในเรื่องนั้น แล้วให้มันยกระดับตัวเรื่องในเกิดความน่าดู และบันเทิงยิ่งขึ้น และสิ่งเหล่านี้ มาตรฐานการแสดงช่วยได้ แต่ไม่ทั้งหมด
แต่กับเรื่องนี้ ผู้เขียนมองเห็นมาตรฐานการแสดง ที่อยู่ในระดับสูงในตัวของ อีจินอุค ที่บางทีดูเหมือนไม่แสดงอารมณ์ทางสีหน้า แต่ในแววตานั้นร้ายนัก ด้วยความที่นี่คือตัวละครที่ ใช้ชีวิตโดยที่ไม่อยากมีชีวิตมานานถึงหกร้อยปี ความเหนื่อยหน่ายชีวิต ความคับแค้น เจ็บปวด ทำให้ ดันฮวัล ไม่ต่างจากก้อนน้ำแข็งมหึมาในภายนอก หากแต่ข้างในยังมีหัวใจความเป็นมนุษย์ สิ่งเหล่านั้น มันถูกถ่ายทอดออกมาอย่างสมบูรณ์โดย อีจินอุค ในลุคที่เสนอความเท่ แสดงออกทางแววตาผ่านสีหน้าเย็นชา แต่เมื่อถึงเวลา เขาก็จัดการทุกอารมณ์ได้ และแน่นอนว่า ผู้ชมเทใจให้มนุษย์ที่ไม่ปรารถนาชีวิตอมตะได้

แต่ที่เปล่งประกายสุดขีด เท่าที่ได้เห็นมาคงต้องยกให้ ควอนนารา ที่ผู้เขียนเห็นเธอแสดงมาสองสามเรื่อง ที่ดูดี สวย เก่ง แต่เหมือนรออะไรแบบนี้ นั่นคือราศีที่จะมาจับต้อง และเรื่องนี้มีหมดทั้ง ความสวย สง่า พลังดาราที่ดึงดูดสายตาผู้ชมจนละสายตาไม่ได้ ประกอบกับมาตรฐานการแสดงที่สูงอยู่แล้ว ทำให้การรับบทที่มิติค่อนข้างหลากหลาย เพราะต้องใช้ชีวิตหลายชาติภพ และมีหลายบุคลิกให้แสดงแบบนี้ ควอนนารา ยังคงจัดการได้ ทำให้เรื่องนี้คือเรื่องที่ทำให้เธอ คือความน่าจดจำที่สุดของผู้เขียน หรือกระทั่งผู้ชมอีกมากมายอย่างไม่ต้องสงสัย
ส่วนที่เปล่งประกายพอกัน เพียงแต่ผู้เขียนไม่ได้ผ่านตางานแสดงของเธอมาเลยคือ กงซึงยอน ที่ประกายของเธอมีให้เห็นตั้งแต่ปรากฎตัว แน่นอนว่าเธอรับผิดชอบบทได้ดี แต่การที่ราศีและพลังลี้ลับจับต้องแบบนี้ ก็ทำให้ชื่อของเธอเป็นที่น่าจับตามอง เช่นเดียวกับคิมอูซอก ที่รับบท โดยุน เด็กหนุ่มกำพร้าที่เล่นได้เลย ทั้งที่นี่คือการแสดงเรื่องแรก และเล่นจนได้ใจ ประกอบกับการมีออร่าอยู่ในตัวอยู่แล้ว จึงไม่ยากที่จะเป็นงานแจ้งเกิดไม่ต่างจาก กงซึงยอน หรือไม่

ส่วนที่ผู้เขียนเทให้ทั้งใจคงต้องเป็นบท ฮเยซุค ของ พัคมยองชิน ที่รับผิดชอบบทที่ค่อยๆเล่า แต่การแสดงของเธอนั้น ธรรมดาจนเหมือนป้าข้างบ้าน แต่ความยากมันก็อยู่ตรงความธรรมดาแบบนี้ ที่จะเล่นเป็นความง่ายยังไงให้ได้ใจผู้ชม แต่ พัคมยองชิน จัดการได้ ทำให้บทของเธออาจมองไม่เห็นด้วยตาอย่างชัดเจน เพราะเหมือนเบสิคทั่วไป แต่การค่อยๆเล่น ไม่เล่นใหญ่ของเธอ กลับจัดการหัวใจผู้ชมได้อย่างจับใจ เพราะเมื่อถึงเวลา มิติที่เธอเป็น ที่ส่งผลต่อความเป็นมนุษย์ในตัว ดันฮวัล ก็คือกุญแจ และมันทำให้ใครหลายคนอาจกลั้นน้ำตาไม่อยู่
ส่วนคนอื่นๆก็เยี่ยมพอกันในการจัดการบทของตัวเอง ทั้ง อีจุน ในบทตัวร้ายหลัก ที่น่ารังเกียจได้ และมีบางช่วงผู้ชมอาจเผลอใจไปสงสารบ้าง หรือที่คุ้นหน้าคุ้นตากันดีอย่าง จองจินยอง ที่ยังไม่เคยทำให้ผิดหวัง ซึ่งโดยรวมแล้วเหล่านักแสดงทำหน้าที่ได้อย่างไม่มีที่ติ จนทำให้เรื่องที่เป็นความบันเทิงที่ด้านหน้า มีการแสดงที่ยอดเยี่ยมเสริมส่งให้ความเร้าใจที่มี มีมิติ มีน้ำหนัก และมีพลังดึงดูดที่แรงจัด แถมยังได้งานเพลงที่บางครั้งโหยหวน บางคราวหลอน หรือบางคราปลุกเร้าฮึกเหิม ร่วมกับงานด้านภาพที่สวยจัด และงานเทคนิคที่ดูไม่ออก จึงจัดว่าเป็นงานระดับละคร ที่ภาพและเพลงเสริมเรื่องได้ดีมากเรื่องหนึ่งได้

เหมือนเป็นเรื่องที่โหยหามานาน กับงานที่พลังแรงสูง น่าติดตามจนหยุดไม่อยู่ กระทั่งนอนดึกไปหลายคืนแบบนี้ เพราะว่ากันตามจริง ในช่วงหลังๆมา มีไม่บ่อยครั้งที่ผู้เขียนจะดูซีรีส์จบสิบหกตอนได้ภายในสามวัน เพราะช่วงหลัง ผู้เขียนมีอะไรให้ทำหลายอย่าง การอดนอนดูซีรีส์จึงไม่ใช่ทางเลือกที่ดีนัก แต่กับเรื่องนี้ มันหยุดไม่ได้จริงๆ ซึ่ง เหตุผลหลักก็คือการที่ตัวเรื่องน่าสนใจ การผูกปมประเด็นที่เป็นร่างแหทำให้เกิดความสงสัย และการเฉลยเงื่อนปมรายทางถูกจังหวะเวลา
แม้จะไม่ใช่ชั้นเชิงที่ยาก หรือสดใหม่อะไร แต่บางที ไม่ต้องใหม่ ไม่ต้องเล่นท่ายาก แต่จังหวะเวลาที่พอเหมาะก็คือได้ผลดีแล้ว เพราะหากลองคิดดูให้ดีคือ ถ้าลองเปลี่ยนจาก บุลกาซัล สองตน ให้กลายเป็นมิติระหว่าง หนึ่งตำรวจพันธุ์หมาบ้ากัดไม่ปล่อย กับอีกหนึ่งฆาตกรโรคจิตที่มีอดีตเบื้องหลังพัวพันกัน ชั้นเชิงที่เรื่องนี้ใช้ ก็ไม่ต่างจากงานสืบสวนสอบสวน ที่ทางเกาหลีถนัดมือ เพียงแต่มันอาจจะดูธรรมดาไป

อย่ากระนั้นเลย ลองเปลี่ยนมาเป็นเรื่องของปีศาจ ที่ผูกพันความรักความแค้นมาตั้งแต่ชาติปางก่อน เรื่องเลยออกมาดูดีที่ไอเดียทั้งที่ความจริง ไม่ได้มีอะไรสดใหม่เลย มันจึงเป็นสิ่งยืนยันอีกครั้งว่า เกาหลีสามารถเล่าเรื่องที่ดูเหมือนซ้ำหรือช้ำให้ออกมาดูสดใหม่ได้เสมอ ประกอบกับเรื่องนี้ ไม่ทราบว่า คนเขียนบททางเกาหลี จะได้ยินอะไรสะท้อนไปบ้างหรือไม่ ในเรื่องของดราม่าที่จัดใส่มาทุกเรื่อง ซึ่งความจริงมันคือจุดเด่นของทางเกาหลี แต่บางครั้งบางเรื่องมันก็ไม่พอดี
แต่กับเรื่องนี้ การแฝงดราม่าไว้ให้สัมผัสได้ด้วยใจ กลับทำให้ไม่ไปรบกวนความบันเทิงที่ต้องการจะมาขาย จนทำให้กลายเป็นงานที่ดูสนุก เร้าใจ ได้อารมณ์ร่วม และต้องติดตาม แต่กระนั้น เมื่อถึงเวลา ดราม่าที่ถูกแฝงไว้ก็ทำหน้าที่ได้อย่างจับใจ เพราะความธรรมดาในการแฝงไว้มันเนียนตา แล้วเมื่อปล่อยออกมา เลยทำให้เรื่องที่บันเทิงเต็มที่แบบนี้ มีหัวใจไม่ต่างจาก บุลกาซัล ของ ดันฮวัล ในเรื่องอย่างแท้จริง จนทำให้นี่คือเรื่องที่จบลงพร้อมความประทับใจอีกเรื่องหนึ่งได้เลย