Bones & All คือหนังรักสยองขวัญ เกี่ยวกับรักแรกระหว่าง Maren ผู้กำลังเรียนรู้การเอาตัวรอดในสังคม (รับบทโดย Taylor Russell) กับ Lee ผู้ไม่มีที่อยู่เป็นหลักแหล่ง

การกลับมาเจอกันอีกครั้งของ Chalamet, Guadagnino และ Stuhlbarg!นักแสดงหนุ่ม Timothée Chalamet ได้กลับมาร่วมงานกับผู้กำกับ Luca Guadagnino จากภาพยนตร์ Call Me By Your Name (2017) อีกครั้งในภาพยนตร์ Bones & All (2022) ที่เป็นภาพยนตร์เกี่ยวกับเรื่องราวความรักบนท้องถนนในปี 1980 นอกจากนี้ Michael Stuhlbarg ยังได้ปรากฏตัวขึ้นเพื่อพูดคุยเกี่ยวกับ “เรื่องราวเมื่อทุกอย่างเปลี่ยนไประหว่างคนสองคน” อีกด้วย แต่ถึงแม้ว่าเรื่องราวของภาพยนตร์เรื่องนี้จะเน้นไปที่ความรักของคนหนุ่มสาว แต่มันก็ยังห่างไกลจากภาพยนตร์เรื่องแรกของทั้งสามคน จากเมืองเล็กๆ ในอิตาลีได้กลายมาเป็นทางหลวงที่เปล่าเปลี่ยวในสหรัฐอเมริกา ทุ่งนา บ้านที่ทรุดโทรมและรถบรรทุกที่ดูจะเชื่อถือไม่ค่อยได้ โดยในเรื่องนี้ Taylor Russell ก็ได้มารับบทเป็นคู่หูในการออกผจญภัยกับ Chalamet ซึ่งพวกเขาก็ได้สร้างภาพจำของคู่หูนักกินเนื้อมนุษย์สองคนได้อย่างดี และใช่ ภาพยนตร์ Bones & All นั้นเป็นเรื่องราวความรักระหว่างมนุษย์กินคนทั้งสองคน

โดย Russell ได้มารับบทเป็น Maren แลภาพยนตร์ Bones & All นั้นก็เป็นเรื่องราวของเธอ เด็กสาวที่ขี้อายเวลาเธออยู่ที่โรงเรียนที่ในตอนกลางคืน พ่อของเธอ (รับบทโดย André Holland) มักจะขังเธอเอาไว้ โดยในไม่ช้าเราก็จะรู้ถึงสาเหตุที่พ่อของเธอทำอย่างนั้นกัน ภาพยนตร์เรื่องนี้นั้นสร้างมาจากนวนิยายที่มีชื่อเรื่องเดียวกันของนักเขียน Camille DeAngelis ที่ถูกตีพิมพ์ในปี 2016 ที่เป็นเรื่องราวของ “ผู้กินเนื้อมนุษย์” ที่เป็นเงื่อนไขที่มาจากทางพันธุกรรมและมาพร้อมกับการดมกลิ่นที่แม่นยำที่ทำให้ผู้กินสามารถหาคนอื่นที่เป็นเหมือนพวกเขาได้ แต่สำหรับผู้กินที่มากประสบการณ์ พวกเขายังสามารถใช้ประสาทสัมผัสในการดมกลิ่นเพื่อคนหาใครบางคนในบ้านที่แทบไม่เหลือรอดอยู่บนโลกใบนี้แล้วได้อีกด้วย

และเพราะว่า Maren นั้นไม่เคยรู้จักแม่ของตัวเอง เธอจึงมักคิดว่าบางทีความหิวเหล่านี้ก็อาจทำให้แม่ของเธอเดือดร้อนเหมือนกันกับเธอก็เป็นได้ เธอจึงได้ตัดสินใจเดินทางข้าม Great Plains และ Great Lakes เพื่อตามหาแม่ หลังจากนั้นเธอก็ได้พบกับ Sully (รับบทโดย Mark Rylance) ชายชราผู้กินเนื้อคนอย่างมีมารยาทที่ประสาทสัมผัสในการดมกลิ่นของเขานั้นทำให้เขาดูเหมือนพวกสตอล์กเกอร์อยู่หน่อยๆ และก็เพราะกลิ่นอายความเป้นสตอล์กเกอร์ของ Sully (เขามัดผมของเหยื่อเอาไว้ใช้แทนเชือกอีกด้วยนะ!) นี่แหละที่พา Maren กลับมาที่ถนนและพบกับ Lee (รับบทโดย Chalamet) และตกหลุมรักเขาเข้าเต็มเปา

เนื้อเรื่องหลักนั้นเกี่ยวกับความชอบพอและความรักที่ค่อยๆ เกิดขึ้นระหว่างสองคู่หูผู้กินเนื้อมนุษย์ Lee ได้พา Maren ออกเดินทางไปบนท้องถนนเพื่อตามหาแม่ของเธอ และ Maren ก็ยังได้เรียนรู้เกี่ยวกับชีวิตในอดีตของ Lee ในระหว่างการเดินทางอีกด้วย ซึ่งย้อนกลับไปที่รัฐเคนตักกี้ Lee มีน้องสาวหนึ่งคน (รับบทโดย Francesca Scorsese) ที่ขอร้องให้เขากลับบ้าน การเดินทางบนท้องถนนของคู่รักก็ได้เต็มไปด้วยความตึงเครียดและอารมณ์ที่ดำเนินไปอย่างต่อเนื่อง โดยการสร้างโลกนั้นก็เปรียบเสมือนกับกระดูกของเรื่องราว ซึ่งกระดููกที่ว่านั้นก็ดูน่าขนลุกและส่วนของผิวหนังก็บิดเบี้ยวไปเสียหมด ซึ่งพวกมันก็ดูเหมือนจะไม่ใช่ส่วนผสมที่ลงตัวสักเท่าไร แต่สิ่งที่ลงตัวที่สุดในภาพยนตร์เรื่องนี้ก็คือเคมีระหว่าง Russell และ Chalamet (รวมไปถึงของ Stuhlbarg ด้วย) ที่แข็งแกร่งมากนั่นเอง

โดย Russell ได้กล่าวว่า Maren นั้นเป็นเหมือนผู้คุ้มกันที่แสนอบอุ่นที่สามารถอ่านความรู้สึกของผู้อื่นได้เป็นอย่างดี และในภาพยนตร์เรื่องนี้ Chalamet ก็ได้สร้างภาพลักษณ์ใหม่ในลุคแนวพังค์ของเขาที่มีมากกว่าผมสีชมพูและกางเกงยีนส์ขาดๆ และก็เหมือนกับเด็กพังค์หลายๆ คน เขามักจะโทษตัวเองอยู่ในโลกที่เขามีตัวเองเป็นศูนย์กลางจนกว่าเขาจะเข้าใจและให้อภัยความผิดพลาดของตัวเอง และในช่วงท้ายของภาพยนตร์ Bones & All ก็ดูเหมือนว่ารถจะเริ่มน้ำมันหมดเสียแล้ว – เพราะในขณะที่ผู้คนถูกฆ่าและถูกเอาเนื้อมากิน – ภาพยนตร์เรื่องนี้ดูเหมือนจะอยากเน้นไปที่เรื่องราวของคู่รัก ทำให้ความตึงเครียดในช่วงต้นเรื่อวหายไป ถึงแม้ว่าเรื่องของความรักและเป็นเรื่องที่น่ายินดีและน่าชื่นชม แต่มันก็ทำให้ปมของเรื่องดูไม่น่าติดตามเท่าที่ควร

นอกจากนั้นแล้ว เรื่องราวทั้งสองมุมก็ยังมีรูปลักษณ์ที่แตกต่างกันอีกด้วย ในช่วงต้น ภาพยนตร์เรื่องนี้นั้นเปิดตัวด้วยเรื่องราวสุดดำมืดที่คั่นด้วยไฟจากห้องนอนและถนนได้อย่างลงตัว แต่เมื่อมันเข้าสู่ช่วงของเรื่องราวความรักระหว่าง Lee และ Maren บรรยากาศในภาพยนตร์ Bones & All ก็เปลี่ยนไปโดยดูมีความหวังมากขึ้นด้วยท้องฟ้าสีครามสดใสและท้องถนนที่เปิดโล่ง ซึ่งแฝงเอาไว้ด้วยข้อความที่ตัองการจะสื่อว่า “การยอมรับตัวตนของตัวเองนั้นควรจะมาก่อนที่คุณจะสามารถรักคนอื่นได้”